แหล่งความรู้

นโยบายรัฐบาลส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ

กรมแรงงาน จับมือรัฐ-เอกชน หนุนจ้างงานผู้สูงอายุ ตั้งเป้าแสนคน
รมว.แรงงาน เผย ภาคเอกชนขานรับนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุ ตั้งเป้าปี 62 ส่งเสริมการมีงานทำแรงงานสูงอายุ 100,000 คน แบ่งเป็น แรงงานผู้สูงอายุในระบบ 20,000 คน แรงงานผู้สูงอายุนอกระบบ 80,000 คน
25 ก.พ.2562 กรมการจัดหางาน รายงานว่า วันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี จรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการพัฒนาชุมชน กรมสรรพากร กรมกิจการผู้สูงอายุ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย สมาคม อบต.แห่งประเทศไทย บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัทฟู้ดแพชชั่น จำกัด บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทโรบินสัน จำกัด (มหาชน) บริษัทบางจากกรีนเนท จำกัด เป็นต้น

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังการประชุมว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุทั้งในด้านการจ้างงานผู้สูงอายุ โครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ในปี 2560 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จำนวน 11.35 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.8 ของประชากรทั้งประเทศ และมีผู้สูงอายุทำงาน จำนวน 4.06 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 35.8 ของผู้สูงอายุทั้งหมด โดยทำงานในระบบ 0.47 ล้านคน และนอกระบบ 3.59 ล้านคน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือด้านการเกษตรและประมง รองลงมาเป็นพนักงานบริการและผู้จำหน่ายสินค้า ช่างฝีมือและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบอาชีพพื้นฐาน ตามลำดับ ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ของผู้สูงอายุเฉลี่ยประมาณ 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ ได้รับค่าจ้างหรือเงินเดือนเฉลี่ยประมาณ 11,600 บาทต่อเดือน ส่วนที่ทำงานในภาคการค้าและบริการได้รับค่าจ้างเฉลี่ยประมาณ 16,946 บาทต่อเดือน ภาคการผลิต 10,557 บาท และภาคเกษตรกรรม 4,874 บาท
สำหรับการประชุมในวันนี้เป็นการหารือแนวทางขับเคลื่อนการส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่กำหนด โดยได้หารือกับภาคเอกชน ภาคภาคีเครือข่ายสังคมว่าจะร่วมกันส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้อย่างไรบ้าง ภาคเอกชนมีตำแหน่งงานรองรับการจ้างงานไว้จำนวนเท่าไร อย่างไรบ้าง รวมทั้งขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายสังคมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้สูงอายุและหน่วยงานในเครือข่ายร่วมมือกันในการส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันได้ขอทราบความเห็นของหน่วยงานภาครัฐว่าจะบูรณาการภารกิจร่วมกันในการส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้อย่างไรบ้าง และมีข้อเสนอ/แนวทางการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมอย่างไร

ในส่วนของกระทรวงแรงงานนั้น ในปี 2562 นี้ กระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนการส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ (อายุ 60-69 ปี) เป้าหมาย จำนวน 100,000 คน แบ่งเป็น ผู้สูงอายุในระบบ จำนวน 20,000 คน ประกอบด้วย 1) ลูกจ้างเอกชน จำนวน 15,000 คน 2) ลูกจ้างภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 5,000 คน และผู้สูงอายุนอกระบบ จำนวน 80,000 คน ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 70,000 คน 2) ส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน จำนวน 10,000 คน โดยหน่วยงานในสังกัดรับผิดชอบตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง คือ (1) สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงสำหรับผู้สูงอายุ (2) กรมการจัดหางานส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุในอาชีพที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ และเป็นศูนย์บริการจัดหางานผู้สูงอายุ (3)กรมพัฒนาฝีมือแรงงานส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน และศักยภาพของผู้สูงอายุ เพื่อให้มีทักษะที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และมีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ (4) กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้ความรู้ด้านสวัสดิการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยเกษียณ เสริมสร้างความรู้แก่แรงงานผู้สูงอายุ (5) สำนักงานประกันสังคมปรับระบบประกันสังคมให้สอดคล้องกับการจ้างงานผู้สูงอายุและออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านสุขภาพ

สำหรับอัตราค่าจ้างและประเภทงานสำหรับแรงงานผู้สูงอายุนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คณะกรรมการค่าจ้างได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมสำหรับการจ้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว กล่าวคือ 1) ช่วงอายุสำหรับการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ : ใช้สำหรับการจ้างลูกจ้างผู้สูงอายุ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป 2) ประเภทงาน : งานเสมียนพนักงาน งานอาชีพเกี่ยวกับการค้า งานอาชีพด้านบริการ หรืองานซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างผู้สูงอายุ 3) อัตราค่าจ้างรายชั่วโมง : อัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 45 บาทต่อชั่วโมง 4) การกำหนดระยะเวลาทำงานที่เหมาะสมสำหรับลูกจ้างผู้สูงอายุ โดยไม่ควรเกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการจูงใจเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างแรงงานผู้สูงอายุเข้าทำงานมากขึ้น โดยการตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639) พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีสิทธินำรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สูงอายุ มายกเว้นภาษีเงินได้ โดยสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า

ในการจ้างผู้สูงอายุเข้าทำงานในสถานประกอบการของตน และผู้สูงอายุต้องมีอายุ 60 ปี ขึ้นไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มีอายุ
60 ปีบริบูรณ์ ต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น และผู้สูงอายุที่จะเข้าทำงานจะเป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว เช่น เกษียณอายุงานและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจ้างให้ทำงานต่อ เป็นต้น หรือเป็นผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนหางานไว้กับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานก็ได้ และต้องไม่เป็นและไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างผู้สูงอายุดังกล่าว หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน ทั้งนี้ รายจ่ายที่จะได้รับการยกเว้นภาษี ต้องเกิดจากรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าจ้างให้แก่ผู้สูงอายุไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท

ใส่ความเห็น